วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ท่องเที่ยว ณ ตำบลคลองน้อย (10)


สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน

              - ครกตำข้าว


           ที่บ้านของคุณป้าดลพรนั้น มีครกตำข้าวด้วย เพื่อที่จะเป็นการแนะนำวิถีชีวิตของคนไทยให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้และเข้าใจถึงภูมิปัญญาไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ 


              ครกตำข้าว เป็นของใช้ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทำจากท่อนไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ขุดเป็นหลุมด้านบน หรือบางแห่งกล่าวว่าใช้ตอไม้ขุดหลุมตื้นๆ ด้านบน แล้วใช้ไฟแกลบสุมในหลุมไฟจะไหม้ทำให้หลุมลึกลงไปเองโดยไม่ต้องเปลืองแรงงานในการขุดมากนัก สากที่ใช้ตำข้าวจะทำด้วยไม้ท่อนยาว หรือสากตะลุมพุกที่มีลักษณะเหมือนค้อน เมื่อใช้ครกตำข้าวไปนานๆ ความแข็งของเมล็ดข้าวจะค่อยๆ ขัดให้ผิวเนื้อไม้ภายในครกให้เนียนขึ้น หลุมครกก็ค่อยๆ ลึกลงไปตามการที่ใช้งาน ครกตำข้าวนี้สามารถวางบนพื้นโดยไม่ต้องฝังลงไปในดินจึงสะดวกในการเคลื่อนย้าย
              การใช้ครกตำข้าว จะนำข้าวเปลือกใส่ลงไปในครกพอประมาณ ผู้ที่ทำหน้าที่ตำข้าวจะยืนข้างๆ ครก ใช้มือทั้ง 2 ข้างจับที่กึ่งกลางสาก ยกสากขึ้นตำลงไปในครกให้สากไปกระแทกข้าวเปลือก ทำเช่นนี้เรื่อยไปจนกว่าเปลือกข้าวจะหลุดออกหมด
               ตั้งแต่อดีตประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลูกข้าวกันโดยทั่วไป ครกตำข้าวจึงอยู่ในวัฒนธรรมของคนไทยคู่กับวิถีชีวิตการทำเกษตรกรรมมาช้านาน


ขอขอบคุณ :http://www.m-culture.in.th/moc_new/album/169514/


ท่องเที่ยว ณ ตำบลคลองน้อย (9)


สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน

           ครกบด


ที่บ้านของคุณป้าดลพรนั้น สามีของคุณป้าเป็นคนที่ชื่นชอบสะสมของเก่าหายาก ซึ่งได้แก่ ครกบด 



โดยจะพบว่าที่บ้านของคุณป้าดลพรนั้นเต็มไปด้วยครกบดที่สามีของคุณป้าเก็บสะสมและอนุรักษ์ไว้


              “ครกบดเป็นเครื่องมือสำหรับโม่แป้ง แถบจังหวัดพังงาเรียก ครกสีหินทำด้วยหินมีหลายขนาดขนาดเล็กจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของฐานครกประมาณ 1.5 ฟุต ขนาดใหญ่จะมีประมาณ 4.5 ฟุต

ครกบด ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
             1. ตัวครกหรือหน่วยครก มีลักษณะกลมฐานเรียบ ด้านหนึ่งทำเป็นปากสำหรับให้แป้งไหลลงสู่ภาชนะ ขอบครกด้านนอกสุดหนาประมาณ 7 ซ.ม. ถัดจากขอบนอกเข้ามาราว 3 ซ.ม. ทำเป็นแอ่งหรือคลองลึกลงโดยรอบเชื่อมเป็นระดับเดียวกับปากครก แอ่งนี้กว้างประมาณ 5-9 ซ.ม.ช่วงกลางของตัวครกยกระดับสูงขึ้นกว่าขอบครกอีกเท่าตัว ตรงหน้าตัดทำเป็นฟันคือเซาะร่องกว้างและลึกประมาณ 4 มิลลิเมตร ฟันนี้จะทอดตามแนวรัศมีและมีฟันตามแนวขวางบ้าง ตรงกึ่งกลางของหน้าตัดทำเป็นรูกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2 ซ.ม. สำหรับใส่เดือยหรือโดไม้รับและยึดฝาครกเอาไว้
              2. ฝาครก ทำให้ได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหน้าตัดช่วงกลางครก สูงประมาณ 8-12 ซ.ม. ทั้งนี้แล้วแต่ขนาดของครก ตรงกลางด้านล่างของฝาครกทำรูให้ได้ขนาดสวมรับกับเดือย และตรงหน้าตัดด้านล่างเซาะฟันเช่นเดียวกับตัวครก ด้านบนของฝาทำเป็นแงสำหรับรับข้าวที่จะบด ตรงแอ่งนี้เจาะรูทะลุฝาด้านล่างเพื่อให้ข้าวสารตกลงด้านล่างเพื่อบดเป็นแป้งต่อไป ด้านข้างของฝาครกขนาดเล็กจะเจาะรูสี่เหลี่ยม 1 รูสำหรับใส่ไม้ทำเป็น มือครกครกชนิดนี้เรียก ครกมือเดียวแต่ถ้าครกมีขนาดใหญ่จะเจาะ 2 รู สำหรับใส่มือครก เรียกว่า ครก 2 มือครกชนิดหลังนี้เวลาบดจะใช้คันโยกแบบเดียวกับครกสี

 การทำครกบด ถ้าทำด้วยหินใช้วิธีสลัก ส่วนการทำครกบดที่หล่อด้วยซีเมนต์ก็มีวิธีหล่อดังนี้



             1. ตัวครก จะขุดดินเป็นเบ้าให้มีลักษณะและขนาดเท่ากับครกที่ต้องการ ความลึกของเบ้าเท่ากับความหนาของตัวครก ปูกระดาษลงในเบ้าแล้วเทซีเมนต์ลงให้เสมอขอบเบ้า ใช้แผ่นเหล็กขดกลมให้ได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหน้าตัดของส่วนที่ทำฟันครกวางลงบนซีเมนต์ที่เทไว้แล้ว จากนั้นเทซีเมนต์ลงในขดแผ่นเหล็กวงในให้ได้ความสูงตามที่ต้องการ ใช้เครื่องมือขูดซีเมนต์ระหว่างแผ่นเหล็กทั้งสองออก ให้ลึกตามความลึกของคลองที่ต้องการ เหลาทางไม้ระกำหรือทางสาคูให้ได้ขนาดและความยาวเท่ากับเดือยครกบดที่จะใส่จริงๆ แล้วกดลงตรงกึ่งกลางของเบ้า ผ่าไม้ไผ่สด ๆ ให้ได้ขนาดและความยาวเท่ากับฟันครก วางกดไม้นั้นลงในซีเมนต์ตรงหน้าตัดครก วางครกทิ้งไว้พอหมาดก็แต่งคลองและส่วนต่างๆ ให้เรียบร้อย

             2. ฝาครกบด ให้ใช้แผ่นเหล็กขดกลมให้ได้ขนาดตามที่ต้องการวางแผ่นเหล็กนี้ลงบนพื้นดินที่ทุบดินเรียบแน่น ตรงกึ่งกลางเหลาไม้ระกำหรือทางสาคูให้ได้ขนาดเท่ากับเดือยปักลงบนพื้น เหลาไม้เท่ารูครก(รูใส่ข้าวสาร) วางในตำแหน่งของรูครก คือ อยู่ข้างเดือยราว ๔-๖ เซนติเมตร ทำไม้ซี่ครกวางกดกับพื้นดินให้ทรงตัวมั่นคง เสร็จแล้วเทซีเมนต์ลงในเบ้านั้น พอซีเมนต์เริ่มหมาดๆ ก็แต่งปากครกให้เป็นแอ่ง

             3. แกะจากเบ้า เมื่อซีเมนต์แห้งสนิทให้แกะออกจากเบ้าทั้งตัวครกและฝาครก ถอดไม้เดือยครกไม้รูครก และไม้ฟันครกออกทิ้ง รอจนซีเมนต์แข็งตัวเต็มที่ จึงนำมาแต่งฟันครกและรูครก ตลอดจนส่วนอื่นๆให้เรียบร้อยใส่เดือย ใส่มือครก และบดครกนั้น ให้ฟันครกทั้งสองหน้าเรียบสนิท และขจัดซีเมนต์ส่วนที่เกาะตัวไม่แน่นพอให้หลุดออกไปเสียก่อน โดยการใช้ข้าวสารธรรมดาแข็งๆ (ไม่ใช้ข้าวสารแช่น้ำสำหรับบดเป็นแป้ง)

             ครกบดจึงเป็นเครื่องใช้ที่รู้จักกันแพร่หลาย แต่ในปัจจุบันหาดูได้ยาก จะเห็นเฉพาะในบ้านเรือนตามชนบท หรือในบ้านเรือนที่ยังคงทำขนมไทยบางชนิดเท่านั้น


ขอขอบคุณ : http://www.tungsong.com/kanomjeen/index3.htm

ท่องเที่ยว ณ ตำบลคลองน้อย (8)


บรรยากาศรอบๆโฮมสเตย์ (ต่อ)


บริเวณลำคลองหน้าบ้านซึ่งถ่ายจากศาลาริมคลอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเงียบสงบและเป็นธรรมชาติ


             ในการทำท่องเที่ยวนี้ไม่ได้คาดหวังกำไร แต่ต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างจังหวัด ฝรั่งและ นักเรียนนักศึกษา


              ซึ่งนักท่องเที่ยวจะพักกันข้างบนบ้าน โดยจะกางมุ้งบ้างหรือเปิดพัดลมแล้วแต่ความต้องการของนักเที่ยว บ้างก็เรียงหมอนนอนปูเสื่อ ซึ่งจะทำการพูดคุยกันในเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตต่างๆ 


ภายในตัวบ้านชั้นบนที่เป็นที่พักของป้าดลพรและนักท่องเที่ยวนั้น ปูพื้นด้วยเสื่อน้ำมัน มีการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้อย่างเป็นระเบียบ มีระเบียงหน้าบ้านอีกด้วย



            ประตูไม้หน้าบ้านชั้นบน ได้มีการแกะสลักบานประตูด้วยความสวยงามปราณีตซึ่งถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย


บริเวณรอบๆโฮมสเตย์ก็จะมีต้นไม้ที่สร้างความร่มรื่นมากมายไม่ว่าจะเป็นไม้ผล อย่างมะพร้าม กระท้อน มะละกอ ขนุน ไม้ดอกอย่าง ชบา ดาวเรือง มะลิ ไม้ประดับอย่าง จันทร์ผา เป็นต้น



ท่องเที่ยว ณ ตำบลคลองน้อย (7)


บรรยากาศรอบๆโฮมสเตย์




                 ลักษณะที่พัก :  เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ชั้นบนทำจากไม้ชั้นล่างทำด้วยปูนซีเมนต์ มีความกะทัดรัดกะทัดรัด มีลานสนามหญ้ากว้าง มีศาลาและท่าน้ำอยู่ติดบริเวณแม่น้ำลำคลอง ซึ่งร่มรื่นน่าอยู่มีต้นไม้เป็นจำนวนมากจึงทำให้บริเวณบ้านมีความร่มรื่นเงียบสงบ

            



            โฮมสเตย์แห่งนี้เป็นของคุณป้าดลพร ชูเพ็ญหรือป้าหนิง ซึ่งโฮมสเตย์แห่งนี้มีจุดประสงค์คือ ต้องการให้นักท่องเที่ยวได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวในบาง โฮมสเตย์แห่งนี้อนุรักษ์ความเป็นอยู่ของคนในบาง โดยมีกฏระเบียบคือนักท่องเที่ยวต้องมีสัมมาคารวะ รู้จักกาลเทศะ ไม่ทำลายบรรยากาศ ซึ่งความเป็นอยู่ของคนในบางจะมีความเรียบง่าย


             คุณป้าดลพรเสริมว่า นักท่องเที่ยวจะมีประมาณเดือนละ1-2กลุ่ม เป็นรอบๆ โดยพักอยู่ชั้นบนเหมือนกับครอบครัวของป้าหนิง เพื่อความสนิทสนมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งโฮมสเตย์หนึ่งหลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 7-10คน เพื่อเป็นการกระจายรายได้ ให้กับโฮมสเตย์แต่ละหลังด้วย



ท่องเที่ยว ณ ตำบลคลองน้อย (6)


แนะนำโฮมสเตย์


         กลุ่มดิฉันขอแนะนำ1ใน9โฮมสเตย์ที่ได้รับรางวัลมาตรฐานโฮมสเตย์
ตำบลคลองน้อยมีโฮมสเตย์ 9 หลังคาเรือนซึ่งได้รับรองความเป็นโฮมสเตย์ที่มีมาตรฐานจากกรมการท่องเที่ยว โดย9หลัง มีบ้านที่เป็นโฮมสเตย์คือ
   -  คุณจรรยา   ยี่สิบ                           -  คุณมณีรัตน์       ลาวัณย์วัฒนกุล
   -  คุณผัน        จงอักษร                     -  คุณเชาวลิต        ทับทิม
   -  คุณสุจิน      ขุนปักษี                     -  คุณดลพร          ชูเพ็ญ
                                     -  คุณพิพัฒน์   มีวงค์                         -  คุณพิเชษฐ์        เนตรเจริญ
                                     -  คุณวิโรจน์   กลางรักษ์
           

          โดยโฮมสเตย์หลังที่กลุ่มของดิฉันได้ทำการศึกษาคือ โฮมสเตย์ของคุณป้าดลพร  ชูเพ็ญ ซึ่งโฮมสเตย์แห่งนี้มีลักษณะคือเป็นบ้านสองชั้นอยู่ติดบริเวณลำคลอง ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ร่มรื่นน่าอยู่และคุณป้าดลพรเจ้าของโฮมสเตย์ก็ใจดีมีความเป็นกันเอง ทำให้การศึกษาเป็นไปอย่างเรียบร้อยและสมบูรณ์ โดยโฮมสเตย์หลังนี้ได้รับการประเมิณคุณภาพตามมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยจากกรมการท่องเที่ยว











ท่องเที่ยว ณ ตำบลคลองน้อย (5)

ผลิตภัณฑ์ของชุมชนตำบลคลองน้อย


   •        ผลิตภัณฑ์จากกะลา  เป็นการนำสิ่งที่เหลือใช้ในชุมชนมาก่อให้เกิดมูลค่าขึ้น โดยนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  เช่น  กระบวยตักน้ำ พวงกุญแจรูปต่าง ๆ  สร้อยข้อมือ เป็นต้น



   •        ผ้าบาติก  ได้ริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยมีนางสาวอารมณ์  ขุนวิลัย  เป็นประธาน มีสมาชิก 15 คน  ได้รับการสนับสนุนประมาณจากอำเภอเมืองสุราษฏร์ธานี และอบต.คลองน้อย  โดยมีครูจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ 11  มาให้ความรู้ในการทำลวดลาย ของผ้าบาติกที่นี่จะมีเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็นคลองน้อย  และที่พิเศษคือที่นี่จะรับออกแบบลายผ้าตามความต้องการของลูกค้า



   •        คันเบ็ดตกกุ้ง  เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของคูคลองในบ้านคลองน้อย  ยังคงมีอยู่มาก กุ้งแม่น้ำยังคงอาศัยและเจริญเติบโตในลำคูคลองบ้านคลองน้อย  ชาวบ้านนิยมตกกุ้งในคลองเพื่อนำมาขายและรับประทานอยุ่เสมอ  ทำให้อาชีพการทำคันเบ็ด  จึงยังเป็นที่นิยม และสร้างรายได้ให้กับชุมชนตลอดมา จนกระทั่งปัจจุบัน แต่ชาวบ้านจะทำตามปริมาณที่สั่ง ไม่ได้วางขายทั่วไป




   •        บ้านขนมไทย  เจ้าของชื่อคุณยายละออง บัวแก้ว อายุ 74 ปี  เริ่มทำขนมขายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ด้วยการพายเรื่อขายตามแม่น้ำตาปี และลำคลองต่าง ๆ เป็นเวลาประมาณ 10 กว่าปี จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2535 ได้เลิกพายเรือขายขนมมาเปิดร้านขายของที่บ้านแทน จนกระทั่งเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วมีตลาดนัดเปิดจนถึงปัจจุบัน  คุณยายได้ขายขนมทุกวันที่มีตลาดนัด  รายได้จากการขายขนมของคุณยายจะอยู่ที่ 4,000 บาท/วัน (ที่มีตลาดนัด)  ขนมที่คุณยายทำไปขายแต่ละครั้งจะมีมากถึง 10 ชนิด เช่น ขนมชั้น ข้าวเหนียวมูลหน้าต่าง ๆ  ขนมเปียกปูน ปลาแนม ข้าวต้มมัด ขนมหน้าขี้  ขนมสอดไส้  เป็นต้น  นอกจากการทำขนมขายในตลาดนัดแล้ว เมื่อถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน และวันสารทไทย จะมีคนมาสั่งคุณยายทำขนม เช่น ขนมเทียน ขนมเข่ง ข้าวต้มมัด ฯลฯ



ขอขอบคุณ : http://www.cbt-i.org/?ge=travel

ท่องเที่ยว ณ ตำบลคลองน้อย (4)


4 การจัดการท่องเที่ยวของชุมชน


            - รูปแบบการบริหารจัดการ : การบริหารจัดการของชุมชนคลองน้อย ดำเนินการในลักษณะกลุ่ม มีคณะกรรมการบริหารกลุ่มโฮมสเตย์ภายใต้ กฎกติกาที่คณะกรรมการร่วมกันกำหนด
            - การจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยวและการใช้ประโยชน์ : ชุมชนคลองน้อยมีการดูแลทรัพยากรทางธรรมชาติทุกโปรแกรมการท่องเที่ยว มีการจัดการการทิ้งขยะ การใช้ถุงพลาสติกของชุมชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งรณรงค์ให้มีการปลูกต้นไม้ เพื่ออนุรักษ์ให้มีการท่องเที่ยวเชิงนิเวศคงอยู่อย่างยั่งยืน

 4 ลักษณะนักท่องเที่ยว    


                                               นักท่องเที่ยวเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทย
                                     
4 การดำเนินงานด้านเครือข่ายการท่องเที่ยวของชุมชน


            - เครือข่ายท่องเที่ยวภายในชุมชน
                        R กลุ่มเยาวชนรักคลองน้อย
                        R กลุ่มท่องเที่ยวการเกษตร     
            - การเชื่อมโยงเครือข่ายท่องเที่ยวระหว่างชุมชน
                        R สถาบันท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT-I)           
                                     
4รางวัลที่ได้รับเกี่ยวกับการจัดการท่องเที่ยวของชุมชน


                                                              R  มาตรฐานโฮมสเตย์   
                                     

4 แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชน
            R มีการดูแลแหล่งท่องเที่ยว
            R จัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยว นักศึกษาและชาวชุมชนได้ร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากร


ขอขอบคุณ : http://www.cbtthaidatabase.org/

                                    

ท่องเที่ยว ณ ตำบลคลองน้อย (3)


โปรแกรมท่องเที่ยวบ้านคลองน้อย




๏ ตัวอย่างโปรแกรมท่องเที่ยวบ้านคลองน้อย 1 วัน 1 คืน 
เวลา 08.00 - 09.00 น.   รับที่สนามบิน/บขส/สถานีรถไฟ  เก็บของเข้าบ้านพักโฮมสเตย์ 
                                      รับประทานอาหารเช้าที่บ้านพัก
เวลา 09.00 - 10.00 น. - ชมการทำคันเบ็ดตกกุ้ง  ลงเรือที่ท่าน้ำ  อบต.คลองน้อย
เวลา 10.00 - 10.30 น. - ชมศูนย์ฝึกลิง
เวลา 11.00 - 11.30 น. - ชมต้นไทรเก็บกระดูก และไหว้พระ ณ วัดบุญบันเทิง
เวลา 11.30 -12.30 น.  - ชมอู่ต่อเรือ
เวลา 12.30 - 13.30 น.  - รับประทานอาหารกลางวัน ชมบ้านจาก ผลิตภัณฑ์จากต้นจาก ผลิตภัณฑ์
                                      จากกะลามะพร้าว พร้อมนั่งรถไปบ้านตาผัน
เวลา 13.30 - 14.30 น. - ชิมชมกระท้อนหวานของชาวในบาง ชมการสาธิตการห่อกระท้อนตาม
                                     แบบฉบับชาวบ้าน
เวลา 14.30 - 16.00 น. - ชมปลาเสือพ่นน้ำอันน่ามหัศจรรย์
เวลา 16.30 - 17.30 น.  - รับประทานอาหารเย็นบ้านโฮมสเตย์
เวลา 17.30 - 19.30 น. - ล่องเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน ชมการตกกุ้งแม่น้ำ ภูมิปัญญาของชาวบ้าน
เวลา 19.30 .                - เข้าที่พักบ้านโฮมสเตย์


** หมายเหตุ โปรแกรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
ชิมชมกระท้อนจะมีตามฤดูกาลของกระท้อน คือช่วงเดือน มีนาคม พฤษภาคม  ของทุกปี


๏ ตัวอย่างโปรแกรมท่องเที่ยวบ้านคลองน้อย 2 วัน 1 คืน 
วันที่  1
 เวลา 07.30 - 08.30 น. -  รับที่สนามบิน/บขส/สถานีรถไฟ  เก็บของเข้าบ้านพักโฮมสเตย์ รับประทานอาหารเช้า                                        ที่บ้านพัก
เวลา 08.30 -09.00 น.  - นั่งรถจากบ้านพักไปไหว้พระ ณ วัดบุญบันเทิง ชมต้นไทรเก็บกระดูก
เวลา 09.00 - 11.30 น.  - ชมการสาธิตการฝึกลิงเพื่อขึ้นมะพร้าวของศูนย์ฝึกลิงบ้านคลองน้อย
เวลา 11.30 -12.30 น.   - ชิมชมกระท้อนหวานของชาวในบาง ชมการสาธิตการห่อกระท้อน
เวลา 12.30 - 13.30 น.  - ทานอาหารที่ อบต.คลองน้อย
เวลา 13.30 - 14.30 น.  - ชมปลาเสือพ่นน้ำอันน่ามหัศจรรย์
เวลา 14.30 - 16.00 น.   - ชมการทำคันเบ็ดตกกุ้ง
เวลา 16.30 - 17.30 น.  - รับประทานอาหารเย็นบ้านโฮมสเตย์
เวลา 17.30 - 19.30 น. - ล่องเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน ชมการตกกุ้งแม่น้ำ ภูมิปัญญาของชาวบ้าน
เวลา 19.30 .                - เข้าที่พักบ้านโฮมสเตย์


วันที่ 2
 เวลา 07.30 - 08.30 น.  - รับประท่านอาหารเช้าที่บ้านพักโฮมสเตย์
เวลา 08.30 - 9.30 น.    - นั่งรถไปชมอู่ต่อเรือทีมีมานานคู่ชาวคลองน้อย
เวลา 09.30 -  12.00 น. - นั่งรถต่อไปชมผลิตภัณฑ์จากต้นจาก และชมการสาธิตและร่วมทำขนมจาก                                                    จากชาวบ้าน  พร้อมรับประทานอาหารกลางวัน ชมผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าว
13.00 น.   เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ


** หมายเหตุ โปรแกรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
ชิมชมกระท้อนจะมีตามฤดูการของกระท้อน คือช่วงเดือน มีนาคม พฤษภาคม  ของทุกปี
4ช่วงเวลาการท่องเที่ยว : กรกฎาคม ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี
4การเตรียมตัว และข้อพึงปฏิบัติ
 การเตรียมตัวของนักท่องเที่ยว
   -        ควรศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง
   -        ควรติดต่อจองห้องพักล่วงหน้า
   -        ควรเตรียมยาประจำตัวมาด้วย
   -         อย่าปฏิบัติในสิ่งที่ผิดธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น ควรมีการหาข้อมูลก่อนการเดินทาง


ขอขอบคุณ : https://www.facebook.com/klongnoihomestay