สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน
ครกบด
ที่บ้านของคุณป้าดลพรนั้น สามีของคุณป้าเป็นคนที่ชื่นชอบสะสมของเก่าหายาก ซึ่งได้แก่ ครกบด
โดยจะพบว่าที่บ้านของคุณป้าดลพรนั้นเต็มไปด้วยครกบดที่สามีของคุณป้าเก็บสะสมและอนุรักษ์ไว้
“ครกบด” เป็นเครื่องมือสำหรับโม่แป้ง แถบจังหวัดพังงาเรียก “ครกสีหิน” ทำด้วยหินมีหลายขนาดขนาดเล็กจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของฐานครกประมาณ
1.5 ฟุต ขนาดใหญ่จะมีประมาณ 4.5 ฟุต
ครกบด ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1. ตัวครกหรือหน่วยครก
มีลักษณะกลมฐานเรียบ ด้านหนึ่งทำเป็นปากสำหรับให้แป้งไหลลงสู่ภาชนะ
ขอบครกด้านนอกสุดหนาประมาณ 7 ซ.ม. ถัดจากขอบนอกเข้ามาราว 3 ซ.ม. ทำเป็นแอ่งหรือคลองลึกลงโดยรอบเชื่อมเป็นระดับเดียวกับปากครก
แอ่งนี้กว้างประมาณ 5-9
ซ.ม.ช่วงกลางของตัวครกยกระดับสูงขึ้นกว่าขอบครกอีกเท่าตัว
ตรงหน้าตัดทำเป็นฟันคือเซาะร่องกว้างและลึกประมาณ 4
มิลลิเมตร ฟันนี้จะทอดตามแนวรัศมีและมีฟันตามแนวขวางบ้าง
ตรงกึ่งกลางของหน้าตัดทำเป็นรูกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2
ซ.ม. สำหรับใส่เดือยหรือโดไม้รับและยึดฝาครกเอาไว้
2. ฝาครก
ทำให้ได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหน้าตัดช่วงกลางครก สูงประมาณ 8-12 ซ.ม. ทั้งนี้แล้วแต่ขนาดของครก
ตรงกลางด้านล่างของฝาครกทำรูให้ได้ขนาดสวมรับกับเดือย
และตรงหน้าตัดด้านล่างเซาะฟันเช่นเดียวกับตัวครก
ด้านบนของฝาทำเป็นแงสำหรับรับข้าวที่จะบด
ตรงแอ่งนี้เจาะรูทะลุฝาด้านล่างเพื่อให้ข้าวสารตกลงด้านล่างเพื่อบดเป็นแป้งต่อไป
ด้านข้างของฝาครกขนาดเล็กจะเจาะรูสี่เหลี่ยม 1
รูสำหรับใส่ไม้ทำเป็น “มือครก” ครกชนิดนี้เรียก
“ครกมือเดียว” แต่ถ้าครกมีขนาดใหญ่จะเจาะ
2 รู สำหรับใส่มือครก เรียกว่า “ครก 2 มือ” ครกชนิดหลังนี้เวลาบดจะใช้คันโยกแบบเดียวกับครกสี
การทำครกบด ถ้าทำด้วยหินใช้วิธีสลัก ส่วนการทำครกบดที่หล่อด้วยซีเมนต์ก็มีวิธีหล่อดังนี้
1. ตัวครก
จะขุดดินเป็นเบ้าให้มีลักษณะและขนาดเท่ากับครกที่ต้องการ
ความลึกของเบ้าเท่ากับความหนาของตัวครก
ปูกระดาษลงในเบ้าแล้วเทซีเมนต์ลงให้เสมอขอบเบ้า
ใช้แผ่นเหล็กขดกลมให้ได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหน้าตัดของส่วนที่ทำฟันครกวางลงบนซีเมนต์ที่เทไว้แล้ว
จากนั้นเทซีเมนต์ลงในขดแผ่นเหล็กวงในให้ได้ความสูงตามที่ต้องการ
ใช้เครื่องมือขูดซีเมนต์ระหว่างแผ่นเหล็กทั้งสองออก
ให้ลึกตามความลึกของคลองที่ต้องการ
เหลาทางไม้ระกำหรือทางสาคูให้ได้ขนาดและความยาวเท่ากับเดือยครกบดที่จะใส่จริงๆ
แล้วกดลงตรงกึ่งกลางของเบ้า ผ่าไม้ไผ่สด ๆ ให้ได้ขนาดและความยาวเท่ากับฟันครก
วางกดไม้นั้นลงในซีเมนต์ตรงหน้าตัดครก วางครกทิ้งไว้พอหมาดก็แต่งคลองและส่วนต่างๆ
ให้เรียบร้อย
2. ฝาครกบด
ให้ใช้แผ่นเหล็กขดกลมให้ได้ขนาดตามที่ต้องการวางแผ่นเหล็กนี้ลงบนพื้นดินที่ทุบดินเรียบแน่น
ตรงกึ่งกลางเหลาไม้ระกำหรือทางสาคูให้ได้ขนาดเท่ากับเดือยปักลงบนพื้น
เหลาไม้เท่ารูครก(รูใส่ข้าวสาร) วางในตำแหน่งของรูครก คือ อยู่ข้างเดือยราว ๔-๖
เซนติเมตร ทำไม้ซี่ครกวางกดกับพื้นดินให้ทรงตัวมั่นคง
เสร็จแล้วเทซีเมนต์ลงในเบ้านั้น พอซีเมนต์เริ่มหมาดๆ ก็แต่งปากครกให้เป็นแอ่ง
3. แกะจากเบ้า
เมื่อซีเมนต์แห้งสนิทให้แกะออกจากเบ้าทั้งตัวครกและฝาครก ถอดไม้เดือยครกไม้รูครก
และไม้ฟันครกออกทิ้ง รอจนซีเมนต์แข็งตัวเต็มที่ จึงนำมาแต่งฟันครกและรูครก
ตลอดจนส่วนอื่นๆให้เรียบร้อยใส่เดือย ใส่มือครก และบดครกนั้น
ให้ฟันครกทั้งสองหน้าเรียบสนิท
และขจัดซีเมนต์ส่วนที่เกาะตัวไม่แน่นพอให้หลุดออกไปเสียก่อน
โดยการใช้ข้าวสารธรรมดาแข็งๆ (ไม่ใช้ข้าวสารแช่น้ำสำหรับบดเป็นแป้ง)
ครกบดจึงเป็นเครื่องใช้ที่รู้จักกันแพร่หลาย แต่ในปัจจุบันหาดูได้ยาก
จะเห็นเฉพาะในบ้านเรือนตามชนบท หรือในบ้านเรือนที่ยังคงทำขนมไทยบางชนิดเท่านั้น
ขอขอบคุณ : http://www.tungsong.com/kanomjeen/index3.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น